มาถึงตอนที่ 3 กับรีวิวชุดใหญ่ แพ 500 ไร่ เขื่อนรัชชประภา ทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก กันแล้วนะครับ!! สำหรับวันนี้เป็นโปรแกรมเที่ยวชิลๆเดินเล่นเบาๆกันบ้าง ตามผมมาชมกันต่อเลยครับ!!

เช้าวันที่ 3 กับอากาศเย็นๆกับสายหมอกจางที่ริมน้ำคลองพะแสงยามเช้า ทำเอาผมนี่ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยครับ แต่เช้าวันนี้เรามีนัดกันจะไปเดินเล่นชมวิวที่สันเขื่อนรัชชประภากัน ก็เลยต้องจำใจจำจากพรากตัวออกจากกระท่อมน้อยกลางป่าก่อนที่จะตกรถตู้ไปซะก่อน

จาก แบมบู จังเกิล รีสอร์ท ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงที่จุดชมวิวของเขื่อนรัชชประภากันแล้ว

ที่จุดชมวิวนี้เดินมาไม่ไกลจากลานจอดรถเท่าไหร่ อากาศที่ริมสันเขื่อนยามเช้าที่นี่สดชื่นมากก หายใจสูดออกซิเจนบริสุทธิ์ได้เต็มปอดแบบไม่ต้องเกรงใจใคร

ใกล้ๆกันกับป้ายชื่อเขื่อนรัชชประภาบนจุดชมวิวเหนือเขื่อน มีป้ายหินอ่อนขนาดใหญ่ คอยยืนเฝ้าบอกเล่าเรื่องพระบรมราชโองการ ที่ในหลวง ร.๙ ท่านทรงประทานให้ในวันเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อ 30 กันยายน 2530 ให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา

บนสจุดชมวิวเหนือเขื่อนนี้ ยังมี พระอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่ทางเขื่อนรัชชประภาได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่เคยเสด็จเยี่ยมราษฎร และปฏิบัติพระกรณียกิจแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในถิ่นทุรกันดารที่ ต.เขาพัง ต.ไกรสร อ.บ้านตาขุน ในช่วงปี 2511-2513 จนเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2520 พระองค์ได้ทรงนำเครื่องบินออกรับเจ้าหน้าที่ ตชด. ที่บาดเจ็บจากการก่อการร้ายที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ และได้ถูกกระสุนปืนยิงขึ้นมาถึงชีพิตักษัย ที่นี่นั่นเอง

และที่ใกล้ๆกันนั้นก็ยังมีที่ประดิษฐาน พระพุทธสิริสัตตราช หรือ หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ องค์จำลอง ที่เป็นพระพุทธรูป โบราณปาง สมาธิ ประทับนั่งบนขนาดหางของพญางู 7 องค์ เหนือองค์พระมีพญางูทั้ง 7 ชูเศียร แผ่พังพาน ปกป้องคุ้มครองอยู่ เป็นสัญลักษณ์แห่งฝนและความร่มเย็น โดยเฉพาะผู้มีคุณธรรมและบารมีธรรม สามารถกำหนดจิต อธิษฐานขอฝน ให้น้ำท่าบริบูรณ์ได้ ทางเขื่อนรัชชประภาได้จำลองมาจากองค์จริงทั้ง 2 องค์ ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ที่ เขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิติ์ อ้างอิง: http://www.sirikitdam.egat.com/index.php/2013-06-23-13-52-46/115-2013-06-25-06-14-07

เดินเล่นชมวิวยามเช้ากันจนได้ที่แล้ว ต่อไปก็เป็นการหามุมเก็บภาพกันต่อครับ เดินลงไปจากจุดชมวิวไม่ไกล จะเป็นส่วนสันเขื่อนที่มุมนี้นอกจากจะมีมุมที่มองเห็นลายเส้นโค้งของสันเขื่อนได้ชัดเจนแล้ว

ยังเป็นมุมที่มองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นได้ชัดเจน เหมาะกับการหานายแบบนางแบบมาเก็บภาพสวยๆช่วงเช้าเอาไว้จริงๆ

สระน้ำผุดสุดใสที่ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

จบจากทริปถ่ายรูปกันอย่างเมามันส์เช้านี้แล้ว เรานั่งรถไปต่อกันกับ สถานที่ unseen ของสุราษฎร์ธานี อีกแห่งหนึ่ง ที่มีสระน้ำผุดธรรมชาติ ใสราวกับกระจก ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด ต.บ้านทำเนียบ จ.สุราษฎร์ธานี กันต่อเลยครับ

ที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นี่เป็นบ่อน้ำผุดธรรมชาติ ที่มีตาน้ำไหลซึมผ่านชั้นหินปูนใต้ดินออกมา น้ำที่ไหลออกมาจึงมีสีฟ้าใสบริสุทธิ์ตามที่เราเห็นกันนี่เอง น้ำจากที่นี่จะไหลลงไปยังคลองมะเลาะ ไปสู่น้ำตกน้ำราดธารทอง แล้วจึงไหลไปยังพื้นที่ของหมู่บ้านบ้านน้ำราดและบ้านย่านยาวต่อไป

จากด้านหน้าทางเข้าที่มีจนท.คอยดูแลความเรียบร้อยในจุดลงทะเบียน และมีการตรวจกระเป๋าและสิ่งของทุกชิ้น ห้ามนำกระดาษทิชชู่ ถุงพลาสติก อาหาร และ เครื่องดื่มทุก เข้าไปด้านใน

เป็นอีกหนึ่งส่วนที่น่าชื่นชมความเข้มแข็งของชุมชนที่รวมตัวกันพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดูแลไม่ให้ธรรมชาติที่สวยงามต้องถูกทำลายลงจากการท่องเที่ยว เหมือนกับบ่อน้ำผุดที่อื่นๆที่ตัวผู้เขียนเองเคยได้ไปเห็นมา

เมื่อเดินตามทางเดินเข้ามาถึงด้านในสุด ก็จะได้พบกับบ่อน้ำจืดสีฟ้าอมเขียวใสราวกับกระจก พื้นน้ำเป็นทรายตะกอนหินปู มีการสร้างทางเดินปูนทำไว้เรียบร้อย แบ่งส่วนพื้นที่เป็นบ่อสำหรับเล่นน้ำ ลึกประมาณ 1 เมตร   และส่วนโซนพื้นที่ด้านในที่น้ำใสเหมือนกัน ส่วนนี้ทาง อบต.บ้านทำเนียบ จัดเป็นพื้นที่สำหรับพายเรือเล่นชมธรรมชาติ มีเรือให้เช่าในสนนราคาย่อมเยา

โซนพื้นที่นี้มีเหล่าบรรดาปลาน้อยว่ายอยู่เต็มไปหมด ภาพจากใต้น้ำที่เราถ่ายมาดูแล้วเหมือนอยู่ในตู้ปลายังไงยังงั้นเลยทีเดียว!

ใครอยากได้รูปมุมสวยๆแนะนำให้ไปช่วงเช้าวันธรรมดาที่คนน้อยๆ จะมีโอกาสได้รูปสวยๆได้มากกว่าช่วงบ่ายที่มีคนเล่นน้ำเยอะครับ

ท้ายสุดก่อนลาจากที่นี่ไป ขอฝากไว้สักนิดสำหรับใครที่อยากมาเที่ยวเล่นน้ำที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นี้ อยากให้เข้าใจบรรดาจนท.ที่คอยทำงานตรวจตรากันอย่างเข้มแข็ง อาจจะดูดุ ดูโหดไปบ้าง แต่ก็เป็นความหวังดีเพื่อป้องกันไม่ให้แหล่งท่องเที่ยวต้องเสื่อมโทรมไปอย่างรวดเร็วนะครับ

ระเบียบ ข้อห้าม ในการเช้าเที่ยวชมป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด 

• ห้ามพกพาอาวุธ หรือสิ่งของใช้แทนอาวุธเข้าป่าต้นน้ำ
• ห้ามนำยาเสพติด หรือสารเสพติดให้โทษทุกประเภท
• ห้ามนำอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าป่าต้นน้ำ
• ห้ามใช้สบู่ และยาสระผม ในป่าต้นน้ำ
• ห้ามนำกระดาษชำระ แพมเพิส ภาชนะบรรจุทุกชนิดเข้า
• ห้ามมีกิจกรรมทางเพศในพื้นที่ป่าต้นน้ำ
• ห้ามทำลายสัตว์ พืช และทรัพยากรธรรมชาติ
• ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ต้นน้ำ
• ระมัดระวังของมีค่ากรุณาเก็บไว้ใกล้ตัว
• กรุณาเปิดกระเป๋าเพื่อให้ จนท. ตรวจสอบก่อนเข้าพื้นที่

อ้างอิง: http://www.cew-bannamrad.or.th

อร่อยกับเมนูพื้นบ้าน หลามข้าวปลายอกที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท

ได้เวลากลับที่พักไปเตรียมตัวย้ายที่นอนกันอีกคืน สายๆวันนี้ที่เราเดินทางกลับมาถึงที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท มื้อเช้าวันนี้ คุณพี่ตู่ เจ้าของรีสอร์ท แกเตรียมอาหารพื้นบ้าน ต้นตำรับแท้ๆให้เราได้ลองชิมกันกับเมนู หลามข้าว ปลายอก (อ่านว่า ปลา-ยอก)

หลามข้าว ก็คล้ายๆกันกับข้าวหลามนั่นเอง แต่เป็นการหุงข้าว ด้วยวธีการนำข้าวสารที่ห่อใส่ใบไม้และนำไปเผาในกระบอกไม้ไผ่ ทานคู่กันกับ ปลายอก และ ปลาส้มทอด

ปลายอก หน้าตาและรสชาติคล้ายๆกับห่อหมกที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นการปรุงรสปลาด้วยเครื่องแกงในกระบอกไม่ไผ่ มีกรรมวิธีการแกะเอาก้างปลาออกจากเนื้อปลาด้วยการนำไม้ไผ่มาเหลาให้มีลักษณะคล้ายๆ ก้างปลา ไว้สำหรับ ยอก หรือกวนเขย่าแรงๆ เพื่อให้เนื้อปลาที่สุกแล้วหลุดจากก้างปลานั่นเอง

หลามข้าว–ปลายอก เป็นอาหารเฉพาะถิ่นที่นับเป็นภูมิปัญญาด้านอาหารดั้งเดิม ที่มีมาช้านานจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมานับเป็นศตวรรษแล้ว ภูมิปัญญาอาหารชนิดนี้เป็น ลักษณะเฉพาะของคนคลองศก เนื่องจากสภาพพื้นที่ตำบลคลองศกเดิมเป็นป่าดิบที่อุดมสมบูรณ์ไป ด้วยป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณพื้นที่รอบ ๆ ป่า ใหญ่ จะเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ หาของป่า ตัดหวาย เพื่อนำมาขายและยังชีพภายในครัวเรือนการเข้าไปในป่าต้องใช้เวลาหลาย ๆ วัน นำแต่ข้าวสาร พริก เกลือ เข้าไปเท่านั้น

การหุงหาอาหารต้องอาศัยวัสดุ จากธรรมชาติจากในป่ามาปรุงอาหาร เช่น ใช้ภูมิปัญญาในการนำไม้ไผ่มาหุงข้าวหรือหลามข้าว หรือ หาปลาในแหล่งน้ำใกล้ๆ มาปรุงกับพริกหรือเครื่องแกงที่เตรียม ๆ ไว้นำมาปรุงในกระบอกไม้ไผ่ หากปลามีก้างปลามากก็ใช้ภูมิปัญญามาแก้ไข โดยการนำไม้ไผ่มาเหลาให้มีลักษณะคล้ายๆ ก้างปลา ไว้สำหรับ ยอก หรือกวนเขย่าแรงๆ เพื่อให้เนื้อปลาที่สุกแล้วหลุดจากก้างปลา เมื่อปลาสุกดีแล้วก็ค่อย ๆ รินหรือเทเนื้อปลาข้างบนมากินกับข้าวที่หลามไว้ ก้างปลาจะตกอยู่บริเวณก้นของกระบอกไม้ไผ่ ภูมิปัญญานี้จึงเรียกขานคู่กันมาว่า “หลามข้าว-ปลายอก” อ้างอิง: http://www.suratfoodculture.sru.ac.th/portfolio17.php

อร่อยอิ่มกันเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาอำลาจากคลองแสงกันซะทีครับ จุดหมายถัดไปของวันนี้เราไปต่อกันที่ 500 Rai Valley Retreat หรือ 500ไร่วัลเลย์รีทรีตรีสอร์ทสวยๆที่แสนสงบ ในหุบเขาเขตชุมชนคลองศก

The 99 km. Coffee House fresh’n drip Khao Sok บ้านกาแฟกลางป่า กม. 99 เขาศก

ก่อนจะถึงที่หมายสุดท้ายของวันนี้ เราแวะพักกันที่ The 99 km. Coffee House fresh’n drip Khao Sok บ้านกาแฟกลางป่า กม. 99 เขาศก

ร้านกาแฟเล็กๆ กับบาริสต้าตัวบิ๊กๆ ในหุบเขาสกแห่งแรกและแห่งเดียว ที่นี่แนะนำมาช่วงเย็นๆ ที่ระเบียงด้านนอกเป็นจุดชมวิวดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยอีกมุมนึงเลยทีเดียวครับ!!

ใครที่มีโอกาสผ่านมาเส้นทางนี้ ลองแวะพักจิบกาแฟ ทานขนมอร่อยๆ กันดูนะครับ

จบสั้นๆกับรีวิว ป่าต้นน้ำ เขื่อนรัชชประภา และอาหารอร่อยๆ ตอนหน้าที่เป็นตอนสุดท้ายแล้ว เราจะไปนอนเล่นชิลๆ เดินเที่ยวชุมชนคลองศกยามค่ำ และรอดูทะเลหมอกยามเช้ากันที่  500 Rai Valley Retreat หรือ 500ไร่วัลเลย์รีทรีต รีสอร์ทกลางเขาเจ้าของและทีมงานเดียวกันกับ แพ 500 ไร่ นะครับ

ขอขอบคุณทุกเรื่องใหม่ของ รวมโปรโมชั่น ครั้งนี้ที่มาจาก http://www.promotiontoyou.com/

เช้ามืดวันที่สองผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว เรารีบลุกขึ้นจากที่นอนแบบสลึมสลือถึงแม้จะยังไม่หายเหนื่อย แต่ก็เสียดายไม่จะพลาดชมวิวอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ทะเลสาบเชี่ยวหลาน

อากาศยามเช้าบนผิวน้ำทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่ว่ากันว่าเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งไทย สดชื่นเย็นสบาย สูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด

ไอหมอกจางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือป่าทิวเขาไกลๆ ฉาบทอด้วยแสงทองของวันใหม่ ลำแสงอาทิตย์จางลอดผ่านระหว่างทิวเขาและก้อนเมฆ ถึงแม้จะเป็นอาทิตย์ดวงเดิม แต่สำหรับเราแล้วดวงตะวันที่นี่ดูสวยงามเหมือนฝันเลย

วิวหลักล้านสวยๆแบบนี้ คุ้มค่าที่รีบตื่นแต่เช้ามาเก็บภาพจริงๆ ใครอยากชมวิวสวยๆยามเช้าบนผืนน้ำกว้างไกลแบบนี้ ต้องลองมาพักที่นี่ แพ 500 ไร่ ให้ได้สักครั้งนึงครับ!

เดินป่าเขาสก ลุยถ้ำน้ำทะลุ Unseen เชี่ยวหลาน

หลังอิ่มใจกับธรรมชาติยามเช้า และอิ่มท้องกับบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าวันนี้กันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเตรียมตัวออกไปเดินเล่นแบบแอดเวนเจอร์กันบ้างครับ

ที่ เขื่อนรัชชประภา ทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก นอกจากนอนแพชิลๆ นั่งเรือเที่ยวชมวิว ที่นี่ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่บรรดาฝรั่งต่างชาตินิยมมาเที่ยวเล่นกันอีกหลายอย่าง แต่สำหรับคนไทยกิจกรรมแนวนี้อาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่อาจจะคนไทยเพราะอยากมาพักผ่อน เล่นน้ำ ชมวิวกันซะมากกว่า

สำหรับทริปนี้รอบนี้ ตามผมมาเดินป่าลุย ถ้ำทะลุ หรือ ถ้ำน้ำลอดโตนเตย-คลองแปะ เขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่ที่บริเวณเหนือเขื่อนรัชชประภา หมู่ 3 ต.เขาพัง อ.ตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี กิจกรรม เดินป่าลอดถ้ำน้ำทะลุ ถือเป็นเป็นอีก 1 สถานที่ unseen ของทะเลสาบเชี่ยวหลาน ด้วยนะครับ บอกเลยว่าคนไทยน้อยคนมาก ที่เคยไปที่นี่ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวแล้วอยากลองลุยๆดูบ้างสักครั้งไม่ควรพลาดครับ!

สำหรับการเดินป่าเส้นทาง ถ้ำน้ำทะลุ นี้ จะเปิดให้เดินเฉพาะช่วงหน้าร้อน และ วันที่ไม่มีฝนตกเท่านั้น และเปิดเฉพาะช่วงที่น้ำลงเท่านั้น ส่วนหน้าฝนจะปิดไม่ให้เข้าเพราะอาจมีอันตรายจากน้ำป่า และที่สำคัญคือต้องมีเจ้าหน้าที่นำเที่ยวทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีจากที่ แพ 500 ไร่ ก็มาถึงที่ท่าเรือที่เป็นจุดเริ่มต้น เส้นทางเดินป่า ซึ่งจากจุดนี้ต้องเดินเท้าขึ้นไปยังปากถ้ำอีก ประมาณ 2.5 ก.ม. ทางเดินเป็นทางดินค่อนข้างลำบาก มีแอ่งโคลน ทางปีนขึ้นผ่านช่องเขา เดินลุยน้ำตก ค่อนข้างวิบากใช้ได้เลยทีเดียว

ใครที่อยากมาลองวัดใจเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ดูสักหน แนะนำให้มาลองเลยครับ 

ระหว่างทางเดินไปยังถ้ำน้ำทะลุ เรามีโอกาสได้เจอกรุ๊ปนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเดินเส้นทางเดียวกันอีก 2 กลุ่ม แต่ไม่เจอกลุ่มคนไทยเลย

มุมนี้เดินฝ่าน้ำตกขึ้นไป มีกองหินเรียงเป็นชั้นๆอยู่เต็มธารน้ำเลย วัฒนธรรมเรียงหินของ นทท.ต่างชาติก็ตามเรามาถึงที่นี่ด้วยเหมือนกัน

เดินไปชมวิวป่า ฝ่าดงโคลนกันไป พักใหญ่ก็มาถึงที่หน้าถ้ำทะลุแล้วครับ…เหนื่อยใช้ได้เลยครับ

ถ้ำน้ำทะลุ นี้เป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านทะลุถ้ำ เหมือนกับถ้ำธารลอด ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยลวดลายแปลกตาตลอดเส้นทาง ในการเดินนั้นต้องเดินลัดเลาะตามทางน้ำที่ไหลผ่านลอดถ้ำไปตลอดทาง ในถ้ำมืดมากกก ต้องเดินกันในความมืดด้วยแสงไฟฉายที่ติดหัวลุยไปตามลำน้ำประมาณเกือบ 1 กม. บางช่วงเป็นน้ำตกเล็กๆที่ต้องไต่ลงไป บางจุดน้ำลึกถึงคอ เหนื่อยสุดๆกว่าจะเดินทะลุออกมาได้แต่ก็สนุกมากมาย!!

เส้นทางในถ้ำใช้เวลาเดินกันประมาณ 1 ชม. ก็ทะลุออกมาที่ปากถ้ำอีกฝั่งนึง หลังจากนั้นก็ต้องเดินต่อครับ เดินกลับไปที่ท่าเรือกันอีกรอบ

‼👉🏻 อ้อ…รอบนี้แอดใส่ รองเท้าของ Freewater เป็นแบรนด์รองเท้าสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกจากแคนาดา ใส่เดินลุยน้ำ ลุยโคลน เข้าป่า ได้สบายๆ พื้นรองเท้านุ่มติดเท้าไม่ลื่น เหมาะกับเป็นเองเท้าคู่ใจใส่ไปลุยไหนลุยนั่นกันครับ

จบจากการเดินป่าลอดถ้ำแบบสะบักสะบอมนิดๆ (เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย) ก็พาร่างนั่งหลับบนเรือจนกลับมาถึงที่แพ 500 ไร่ได้ซะที หลังจากกินมื้อเที่ยงเติมพลังเก็บของกันเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วครับ!

ล่องแพคลองพะแสง สะพานแขวนเขารูปหัวใจ

สำหรับจุดหมายปลายทางของคืนนี้เราจะไปพักที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท เส้นทางทริปสำหรับวันนี้ เราจะไปเดินชมวิวกันก่อนที่ สะพานแขวนเขาพัง และ ภูเขารูปหัวใจ ที่ อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะไปลงแพ ล่องไปตามคลองพะแสง ไปยังรีสอร์ทที่พักสำหรับคืนนี้กันครับ

สำหรับเย็นนี้และเช้าวันพรุ่งนี้เรามีแพลนทริปตามคอนเซ็ปท์นี้เลย >>> ไปกินหลามข้าวปลายอก ล่องเเพไม้ไผ่ในเเม่น้ำคลองพะเเสง พักที่รีสอร์ทกระท่อมไม้ไผ่ ชิวเเค่ไหน กับทริปท่องเที่ยวบนฝั่งในโซนรอบทะเลสาบเชี่ยวหลาน

ใช้เวลาเดินทางไม่นานจากริมฝั่งท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน ไปยังจุดหมายแรกของเราที่วัดเขาพังกันแล้วครับ

สะพานแขวนคลองแสง หรือ สะพานแขวนเขาพัง หรือ สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์ เป็นสะพานที่สร้างโดย อบต.เขาพัง เมื่อปี 2546 เพื่อเป็นสะพานสัญจรของท้องถิ่นสำหรับข้ามคลองพะแสง ตั้งอยู่ข้างวัดเขาพัง

สะพานแขวนคลองแสง เป็นสะพานแขวนที่ยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่กับเสาคอนกรีต พื้นสะพานเป็นโครงเหล็กปูทับด้วยแผ่นไม้กระดาน มีความยาว 120 เมตร

พื้นที่รอบๆตัวสะพาน ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง ทิวทัศน์ของคลองพะแสงเป็นสีแดงของพื้นดินตัดกับสีเขียวของป่า โดยมี ภูเขารูปหัวใจ หรือ เขาเทพพิทักษ์ เป็นฉากหลัง ทำให้ที่นี่เป็นที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันอีกจุดนึงเลยครับ

แนะนำอีกนิดใครที่อยากได้มุมที่เห็นภูเขารูปหัวใจสวยๆ ให้มาช่วงเช้า – เที่ยง จะได้รูปสวยกว่าเพราะมุมไม่ย้อนแสงนะครับ!!

เดินข้ามผ่านสะพานแขวนคลองแสงไปไม่ไกล ก็มาถึงจุดลงแพกันแล้วครับ ระหว่างทางมีสวนยางของชาวบ้านแถวนั้น มุมสวยแสงดี เลยขอแว๊บเข้าไปเก็บภาพนางแบบสักนิด

ลงมาที่ริมตลิ่ง แพของทาง แบมบู จังเกิล รีสอร์ท ก็มาจอดรอรับเรากันแล้วครับ….คลองพะแสงในวันนี้ น้ำไม่สูงเท่าไหร่ ล่องแพไปเรื่อยๆฟังเสียงบอกเล่าของคนถ่อแพว่า ประตูน้ำที่เขื่อนรัชชประภานั้นจะมีเวลาเปิด-ปิด ถ้าจะให้น้ำขึ้นสูงต้องมาช่วงเวลาที่เขาเปิดประตูระบายน้ำจากเขื่อนออกมา

ถ้าช่วงเวลาปกติน้ำก็จะประมาณเท่านี้ แต่ก็มีบางจุดที่น้ำ ลึก และแรง มีแก่งหินอยู่กลางน้ำ เหมือนกันครับ

กิจกรรมล่องแพคลองพะแสง นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบชุมชน ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในโซนนี้กำลังรณรงค์ช่วยกันผลักดันให้เกิดการสร้างรายได้และสร้างจุดแข็งให้กับชุมชนในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ควรสนับสนุนอีกเรื่องเลยครับ

แบมบู จังเกิล รีสอร์ท โฮมสเตย์หลักร้อยอาหารอร่อยหลักพัน

ล่องแพมาได้สักพักก็มาถึงที่พักสำหรับคืนนี้แล้วครับ ที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่พักแบบโฮมสเตย์ นอนบนเรือนไม้ไผ่แบบดิบๆ อาจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนรีสอร์ทระดับ 5 ดาว แต่ใครที่เป็นสายลุยชอบบรรยากาศโลคอลดิบๆใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ น่าจะถูกใจครับ

ที่พักที่นี่อยู่ติดริม คลองพะแสง และอยู่กลางป่า บรรยากาศเงียบสงบ นั่งชมวิวกินข้าวเย็นที่ เรือนไม้ริมน้ำชมวิวสวยๆของคลองพะแสงกันได้เพลินๆ

แต่ทีเด็ดของที่นี่อยู่ที่อาหารครับ!! มื้อเย็นที่เสิร์ฟมาแม้เป็นกับข้าวทั่วๆไป แต่รสชาติดีสุดๆ อร่อยมากครับ! (ขออภัยจริงๆที่ไม่ได้เก็บภาพมื้ออาหารคืนนี้มาฝากด้วยนะครับ)

ข่าวดีอีกอย่างที่อยากจะเล่าให้ฟังก็คือ ได้ยินจากพี่ตู่เจ้าของ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท เล่าให้ฟังว่า แกเตรียมตัวรีโนเวทสร้างเรือนไม้ไผ่ใหม่และปรับปรุงส่วนต่างๆของรีสอร์ท ที่บางส่วนเริ่มผุแล้วนะครับ ใครที่มีโอกาสจับแพ็กเกจทัวร์คุ้มๆไปนอนที่นี่ เตรียมตัวเผื่อไปนอนรีสอร์ทใหม่กันได้เลยนะครับ

จบทริปวันที่สองด้วยความเหนื่อยจากการเดินป่า ลุยถ้ำน้ำทะลุกว่า 6 กม. สรุปว่าคืนนี้หลับยาวไป…ส่วนเช้าพรุ่งนี้นั้นไม่ต้องตื่นเช้ามากเหมือนวันที่2 แล้ว เพราะหมดแรงนี่ล่ะครับ แหะๆ

ส่งท้ายวันกันด้วยรูปของ Bamboo Jungle Resort กันแบบเต็มๆเท่านี้นก่อนนะครับ แล้วพบกันกับตอนที่ 3 เร็วๆนี้!!

#goprothailand #goproTH #Freewatersthailand
#Promotion2u #คลิกเดียวครบ #เช็คก่อนช้อป #รีวิวทั่วไทย #ไปทั่วโลก #แพ500ไร่#500ไร่เขาสก #ท่องเที่ยวแบบชุมชน #เที่ยวสุราษฎร์ธานี #บินไปสุราษฯกับไทยสมายล์ #บินสบายแบบฟูลเซอร์วิส #Thaismileairways

ขอขอบคุณทุกเรื่องใหม่ของ รวมโปรโมชั่น ครั้งนี้ที่มาจาก http://www.promotiontoyou.com/

เช้ามืดวันที่สองผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว เรารีบลุกขึ้นจากที่นอนแบบสลึมสลือถึงแม้จะยังไม่หายเหนื่อย แต่ก็เสียดายไม่จะพลาดชมวิวอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ทะเลสาบเชี่ยวหลาน

อากาศยามเช้าบนผิวน้ำทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่ว่ากันว่าเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งไทย สดชื่นเย็นสบาย สูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด

ไอหมอกจางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือป่าทิวเขาไกลๆ ฉาบทอด้วยแสงทองของวันใหม่ ลำแสงอาทิตย์จางลอดผ่านระหว่างทิวเขาและก้อนเมฆ ถึงแม้จะเป็นอาทิตย์ดวงเดิม แต่สำหรับเราแล้วดวงตะวันที่นี่ดูสวยงามเหมือนฝันเลย

วิวหลักล้านสวยๆแบบนี้ คุ้มค่าที่รีบตื่นแต่เช้ามาเก็บภาพจริงๆ ใครอยากชมวิวสวยๆยามเช้าบนผืนน้ำกว้างไกลแบบนี้ ต้องลองมาพักที่นี่ แพ 500 ไร่ ให้ได้สักครั้งนึงครับ!

เดินป่าเขาสก ลุยถ้ำน้ำทะลุ Unseen เชี่ยวหลาน

หลังอิ่มใจกับธรรมชาติยามเช้า และอิ่มท้องกับบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าวันนี้กันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเตรียมตัวออกไปเดินเล่นแบบแอดเวนเจอร์กันบ้างครับ

ที่ เขื่อนรัชชประภา ทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก นอกจากนอนแพชิลๆ นั่งเรือเที่ยวชมวิว ที่นี่ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่บรรดาฝรั่งต่างชาตินิยมมาเที่ยวเล่นกันอีกหลายอย่าง แต่สำหรับคนไทยกิจกรรมแนวนี้อาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่อาจจะคนไทยเพราะอยากมาพักผ่อน เล่นน้ำ ชมวิวกันซะมากกว่า

สำหรับทริปนี้รอบนี้ ตามผมมาเดินป่าลุย ถ้ำทะลุ หรือ ถ้ำน้ำลอดโตนเตย-คลองแปะ เขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่ที่บริเวณเหนือเขื่อนรัชชประภา หมู่ 3 ต.เขาพัง อ.ตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี กิจกรรม เดินป่าลอดถ้ำน้ำทะลุ ถือเป็นเป็นอีก 1 สถานที่ unseen ของทะเลสาบเชี่ยวหลาน ด้วยนะครับ บอกเลยว่าคนไทยน้อยคนมาก ที่เคยไปที่นี่ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวแล้วอยากลองลุยๆดูบ้างสักครั้งไม่ควรพลาดครับ!

สำหรับการเดินป่าเส้นทาง ถ้ำน้ำทะลุ นี้ จะเปิดให้เดินเฉพาะช่วงหน้าร้อน และ วันที่ไม่มีฝนตกเท่านั้น และเปิดเฉพาะช่วงที่น้ำลงเท่านั้น ส่วนหน้าฝนจะปิดไม่ให้เข้าเพราะอาจมีอันตรายจากน้ำป่า และที่สำคัญคือต้องมีเจ้าหน้าที่นำเที่ยวทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีจากที่ แพ 500 ไร่ ก็มาถึงที่ท่าเรือที่เป็นจุดเริ่มต้น เส้นทางเดินป่า ซึ่งจากจุดนี้ต้องเดินเท้าขึ้นไปยังปากถ้ำอีก ประมาณ 2.5 ก.ม. ทางเดินเป็นทางดินค่อนข้างลำบาก มีแอ่งโคลน ทางปีนขึ้นผ่านช่องเขา เดินลุยน้ำตก ค่อนข้างวิบากใช้ได้เลยทีเดียว

ใครที่อยากมาลองวัดใจเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ดูสักหน แนะนำให้มาลองเลยครับ 

ระหว่างทางเดินไปยังถ้ำน้ำทะลุ เรามีโอกาสได้เจอกรุ๊ปนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเดินเส้นทางเดียวกันอีก 2 กลุ่ม แต่ไม่เจอกลุ่มคนไทยเลย

มุมนี้เดินฝ่าน้ำตกขึ้นไป มีกองหินเรียงเป็นชั้นๆอยู่เต็มธารน้ำเลย วัฒนธรรมเรียงหินของ นทท.ต่างชาติก็ตามเรามาถึงที่นี่ด้วยเหมือนกัน

เดินไปชมวิวป่า ฝ่าดงโคลนกันไป พักใหญ่ก็มาถึงที่หน้าถ้ำทะลุแล้วครับ…เหนื่อยใช้ได้เลยครับ

ถ้ำน้ำทะลุ นี้เป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านทะลุถ้ำ เหมือนกับถ้ำธารลอด ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยลวดลายแปลกตาตลอดเส้นทาง ในการเดินนั้นต้องเดินลัดเลาะตามทางน้ำที่ไหลผ่านลอดถ้ำไปตลอดทาง ในถ้ำมืดมากกก ต้องเดินกันในความมืดด้วยแสงไฟฉายที่ติดหัวลุยไปตามลำน้ำประมาณเกือบ 1 กม. บางช่วงเป็นน้ำตกเล็กๆที่ต้องไต่ลงไป บางจุดน้ำลึกถึงคอ เหนื่อยสุดๆกว่าจะเดินทะลุออกมาได้แต่ก็สนุกมากมาย!!

เส้นทางในถ้ำใช้เวลาเดินกันประมาณ 1 ชม. ก็ทะลุออกมาที่ปากถ้ำอีกฝั่งนึง หลังจากนั้นก็ต้องเดินต่อครับ เดินกลับไปที่ท่าเรือกันอีกรอบ

‼👉🏻 อ้อ…รอบนี้แอดใส่ รองเท้าของ Freewater เป็นแบรนด์รองเท้าสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกจากแคนาดา ใส่เดินลุยน้ำ ลุยโคลน เข้าป่า ได้สบายๆ พื้นรองเท้านุ่มติดเท้าไม่ลื่น เหมาะกับเป็นเองเท้าคู่ใจใส่ไปลุยไหนลุยนั่นกันครับ

จบจากการเดินป่าลอดถ้ำแบบสะบักสะบอมนิดๆ (เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย) ก็พาร่างนั่งหลับบนเรือจนกลับมาถึงที่แพ 500 ไร่ได้ซะที หลังจากกินมื้อเที่ยงเติมพลังเก็บของกันเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วครับ!

ล่องแพคลองพะแสง สะพานแขวนเขารูปหัวใจ

สำหรับจุดหมายปลายทางของคืนนี้เราจะไปพักที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท เส้นทางทริปสำหรับวันนี้ เราจะไปเดินชมวิวกันก่อนที่ สะพานแขวนเขาพัง และ ภูเขารูปหัวใจ ที่ อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะไปลงแพ ล่องไปตามคลองพะแสง ไปยังรีสอร์ทที่พักสำหรับคืนนี้กันครับ

สำหรับเย็นนี้และเช้าวันพรุ่งนี้เรามีแพลนทริปตามคอนเซ็ปท์นี้เลย >>> ไปกินหลามข้าวปลายอก ล่องเเพไม้ไผ่ในเเม่น้ำคลองพะเเสง พักที่รีสอร์ทกระท่อมไม้ไผ่ ชิวเเค่ไหน กับทริปท่องเที่ยวบนฝั่งในโซนรอบทะเลสาบเชี่ยวหลาน

ใช้เวลาเดินทางไม่นานจากริมฝั่งท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน ไปยังจุดหมายแรกของเราที่วัดเขาพังกันแล้วครับ

สะพานแขวนคลองแสง หรือ สะพานแขวนเขาพัง หรือ สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์ เป็นสะพานที่สร้างโดย อบต.เขาพัง เมื่อปี 2546 เพื่อเป็นสะพานสัญจรของท้องถิ่นสำหรับข้ามคลองพะแสง ตั้งอยู่ข้างวัดเขาพัง

สะพานแขวนคลองแสง เป็นสะพานแขวนที่ยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่กับเสาคอนกรีต พื้นสะพานเป็นโครงเหล็กปูทับด้วยแผ่นไม้กระดาน มีความยาว 120 เมตร

พื้นที่รอบๆตัวสะพาน ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง ทิวทัศน์ของคลองพะแสงเป็นสีแดงของพื้นดินตัดกับสีเขียวของป่า โดยมี ภูเขารูปหัวใจ หรือ เขาเทพพิทักษ์ เป็นฉากหลัง ทำให้ที่นี่เป็นที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันอีกจุดนึงเลยครับ

แนะนำอีกนิดใครที่อยากได้มุมที่เห็นภูเขารูปหัวใจสวยๆ ให้มาช่วงเช้า – เที่ยง จะได้รูปสวยกว่าเพราะมุมไม่ย้อนแสงนะครับ!!

เดินข้ามผ่านสะพานแขวนคลองแสงไปไม่ไกล ก็มาถึงจุดลงแพกันแล้วครับ ระหว่างทางมีสวนยางของชาวบ้านแถวนั้น มุมสวยแสงดี เลยขอแว๊บเข้าไปเก็บภาพนางแบบสักนิด

ลงมาที่ริมตลิ่ง แพของทาง แบมบู จังเกิล รีสอร์ท ก็มาจอดรอรับเรากันแล้วครับ….คลองพะแสงในวันนี้ น้ำไม่สูงเท่าไหร่ ล่องแพไปเรื่อยๆฟังเสียงบอกเล่าของคนถ่อแพว่า ประตูน้ำที่เขื่อนรัชชประภานั้นจะมีเวลาเปิด-ปิด ถ้าจะให้น้ำขึ้นสูงต้องมาช่วงเวลาที่เขาเปิดประตูระบายน้ำจากเขื่อนออกมา

ถ้าช่วงเวลาปกติน้ำก็จะประมาณเท่านี้ แต่ก็มีบางจุดที่น้ำ ลึก และแรง มีแก่งหินอยู่กลางน้ำ เหมือนกันครับ

กิจกรรมล่องแพคลองพะแสง นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบชุมชน ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในโซนนี้กำลังรณรงค์ช่วยกันผลักดันให้เกิดการสร้างรายได้และสร้างจุดแข็งให้กับชุมชนในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ควรสนับสนุนอีกเรื่องเลยครับ

แบมบู จังเกิล รีสอร์ท โฮมสเตย์หลักร้อยอาหารอร่อยหลักพัน

ล่องแพมาได้สักพักก็มาถึงที่พักสำหรับคืนนี้แล้วครับ ที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่พักแบบโฮมสเตย์ นอนบนเรือนไม้ไผ่แบบดิบๆ อาจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนรีสอร์ทระดับ 5 ดาว แต่ใครที่เป็นสายลุยชอบบรรยากาศโลคอลดิบๆใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ น่าจะถูกใจครับ

ที่พักที่นี่อยู่ติดริม คลองพะแสง และอยู่กลางป่า บรรยากาศเงียบสงบ นั่งชมวิวกินข้าวเย็นที่ เรือนไม้ริมน้ำชมวิวสวยๆของคลองพะแสงกันได้เพลินๆ

แต่ทีเด็ดของที่นี่อยู่ที่อาหารครับ!! มื้อเย็นที่เสิร์ฟมาแม้เป็นกับข้าวทั่วๆไป แต่รสชาติดีสุดๆ อร่อยมากครับ! (ขออภัยจริงๆที่ไม่ได้เก็บภาพมื้ออาหารคืนนี้มาฝากด้วยนะครับ)

ข่าวดีอีกอย่างที่อยากจะเล่าให้ฟังก็คือ ได้ยินจากพี่ตู่เจ้าของ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท เล่าให้ฟังว่า แกเตรียมตัวรีโนเวทสร้างเรือนไม้ไผ่ใหม่และปรับปรุงส่วนต่างๆของรีสอร์ท ที่บางส่วนเริ่มผุแล้วนะครับ ใครที่มีโอกาสจับแพ็กเกจทัวร์คุ้มๆไปนอนที่นี่ เตรียมตัวเผื่อไปนอนรีสอร์ทใหม่กันได้เลยนะครับ

จบทริปวันที่สองด้วยความเหนื่อยจากการเดินป่า ลุยถ้ำน้ำทะลุกว่า 6 กม. สรุปว่าคืนนี้หลับยาวไป…ส่วนเช้าพรุ่งนี้นั้นไม่ต้องตื่นเช้ามากเหมือนวันที่2 แล้ว เพราะหมดแรงนี่ล่ะครับ แหะๆ

ส่งท้ายวันกันด้วยรูปของ Bamboo Jungle Resort กันแบบเต็มๆเท่านี้นก่อนนะครับ แล้วพบกันกับตอนที่ 3 เร็วๆนี้!!

#goprothailand #goproTH #Freewatersthailand
#Promotion2u #คลิกเดียวครบ #เช็คก่อนช้อป #รีวิวทั่วไทย #ไปทั่วโลก #แพ500ไร่#500ไร่เขาสก #ท่องเที่ยวแบบชุมชน #เที่ยวสุราษฎร์ธานี #บินไปสุราษฯกับไทยสมายล์ #บินสบายแบบฟูลเซอร์วิส #Thaismileairways

ขอขอบคุณทุกเรื่องใหม่ของ รวมโปรโมชั่น ครั้งนี้ที่มาจาก http://www.promotiontoyou.com/