รีวิวเขื่อนรัชชประภา สระน้ำผุดสุดใสที่ป่าต้นน้ำ อร่อยกับหลามข้าวปลายอกที่คลองแสง Tips to Trip by Promotion2U [ตอนที่ 3]

มาถึงตอนที่ 3 กับรีวิวชุดใหญ่ แพ 500 ไร่ เขื่อนรัชชประภา ทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก กันแล้วนะครับ!! สำหรับวันนี้เป็นโปรแกรมเที่ยวชิลๆเดินเล่นเบาๆกันบ้าง ตามผมมาชมกันต่อเลยครับ!!

เช้าวันที่ 3 กับอากาศเย็นๆกับสายหมอกจางที่ริมน้ำคลองพะแสงยามเช้า ทำเอาผมนี่ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยครับ แต่เช้าวันนี้เรามีนัดกันจะไปเดินเล่นชมวิวที่สันเขื่อนรัชชประภากัน ก็เลยต้องจำใจจำจากพรากตัวออกจากกระท่อมน้อยกลางป่าก่อนที่จะตกรถตู้ไปซะก่อน

จาก แบมบู จังเกิล รีสอร์ท ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงที่จุดชมวิวของเขื่อนรัชชประภากันแล้ว

ที่จุดชมวิวนี้เดินมาไม่ไกลจากลานจอดรถเท่าไหร่ อากาศที่ริมสันเขื่อนยามเช้าที่นี่สดชื่นมากก หายใจสูดออกซิเจนบริสุทธิ์ได้เต็มปอดแบบไม่ต้องเกรงใจใคร

ใกล้ๆกันกับป้ายชื่อเขื่อนรัชชประภาบนจุดชมวิวเหนือเขื่อน มีป้ายหินอ่อนขนาดใหญ่ คอยยืนเฝ้าบอกเล่าเรื่องพระบรมราชโองการ ที่ในหลวง ร.๙ ท่านทรงประทานให้ในวันเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อ 30 กันยายน 2530 ให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา

บนสจุดชมวิวเหนือเขื่อนนี้ ยังมี พระอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่ทางเขื่อนรัชชประภาได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่เคยเสด็จเยี่ยมราษฎร และปฏิบัติพระกรณียกิจแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในถิ่นทุรกันดารที่ ต.เขาพัง ต.ไกรสร อ.บ้านตาขุน ในช่วงปี 2511-2513 จนเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2520 พระองค์ได้ทรงนำเครื่องบินออกรับเจ้าหน้าที่ ตชด. ที่บาดเจ็บจากการก่อการร้ายที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ และได้ถูกกระสุนปืนยิงขึ้นมาถึงชีพิตักษัย ที่นี่นั่นเอง

และที่ใกล้ๆกันนั้นก็ยังมีที่ประดิษฐาน พระพุทธสิริสัตตราช หรือ หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ องค์จำลอง ที่เป็นพระพุทธรูป โบราณปาง สมาธิ ประทับนั่งบนขนาดหางของพญางู 7 องค์ เหนือองค์พระมีพญางูทั้ง 7 ชูเศียร แผ่พังพาน ปกป้องคุ้มครองอยู่ เป็นสัญลักษณ์แห่งฝนและความร่มเย็น โดยเฉพาะผู้มีคุณธรรมและบารมีธรรม สามารถกำหนดจิต อธิษฐานขอฝน ให้น้ำท่าบริบูรณ์ได้ ทางเขื่อนรัชชประภาได้จำลองมาจากองค์จริงทั้ง 2 องค์ ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ที่ เขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิติ์ อ้างอิง: http://www.sirikitdam.egat.com/index.php/2013-06-23-13-52-46/115-2013-06-25-06-14-07

เดินเล่นชมวิวยามเช้ากันจนได้ที่แล้ว ต่อไปก็เป็นการหามุมเก็บภาพกันต่อครับ เดินลงไปจากจุดชมวิวไม่ไกล จะเป็นส่วนสันเขื่อนที่มุมนี้นอกจากจะมีมุมที่มองเห็นลายเส้นโค้งของสันเขื่อนได้ชัดเจนแล้ว

ยังเป็นมุมที่มองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นได้ชัดเจน เหมาะกับการหานายแบบนางแบบมาเก็บภาพสวยๆช่วงเช้าเอาไว้จริงๆ

สระน้ำผุดสุดใสที่ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

จบจากทริปถ่ายรูปกันอย่างเมามันส์เช้านี้แล้ว เรานั่งรถไปต่อกันกับ สถานที่ unseen ของสุราษฎร์ธานี อีกแห่งหนึ่ง ที่มีสระน้ำผุดธรรมชาติ ใสราวกับกระจก ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด .บ้านทำเนียบ .สุราษฎร์ธานี กันต่อเลยครับ

ที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นี่เป็นบ่อน้ำผุดธรรมชาติ ที่มีตาน้ำไหลซึมผ่านชั้นหินปูนใต้ดินออกมา น้ำที่ไหลออกมาจึงมีสีฟ้าใสบริสุทธิ์ตามที่เราเห็นกันนี่เอง น้ำจากที่นี่จะไหลลงไปยังคลองมะเลาะ ไปสู่น้ำตกน้ำราดธารทอง แล้วจึงไหลไปยังพื้นที่ของหมู่บ้านบ้านน้ำราดและบ้านย่านยาวต่อไป

จากด้านหน้าทางเข้าที่มีจนท.คอยดูแลความเรียบร้อยในจุดลงทะเบียน และมีการตรวจกระเป๋าและสิ่งของทุกชิ้น ห้ามนำกระดาษทิชชู่ ถุงพลาสติก อาหาร และ เครื่องดื่มทุก เข้าไปด้านใน

เป็นอีกหนึ่งส่วนที่น่าชื่นชมความเข้มแข็งของชุมชนที่รวมตัวกันพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดูแลไม่ให้ธรรมชาติที่สวยงามต้องถูกทำลายลงจากการท่องเที่ยว เหมือนกับบ่อน้ำผุดที่อื่นๆที่ตัวผู้เขียนเองเคยได้ไปเห็นมา

เมื่อเดินตามทางเดินเข้ามาถึงด้านในสุด ก็จะได้พบกับบ่อน้ำจืดสีฟ้าอมเขียวใสราวกับกระจก พื้นน้ำเป็นทรายตะกอนหินปู มีการสร้างทางเดินปูนทำไว้เรียบร้อย แบ่งส่วนพื้นที่เป็นบ่อสำหรับเล่นน้ำ ลึกประมาณ 1 เมตร   และส่วนโซนพื้นที่ด้านในที่น้ำใสเหมือนกัน ส่วนนี้ทาง อบต.บ้านทำเนียบ จัดเป็นพื้นที่สำหรับพายเรือเล่นชมธรรมชาติ มีเรือให้เช่าในสนนราคาย่อมเยา

โซนพื้นที่นี้มีเหล่าบรรดาปลาน้อยว่ายอยู่เต็มไปหมด ภาพจากใต้น้ำที่เราถ่ายมาดูแล้วเหมือนอยู่ในตู้ปลายังไงยังงั้นเลยทีเดียว!

ใครอยากได้รูปมุมสวยๆแนะนำให้ไปช่วงเช้าวันธรรมดาที่คนน้อยๆ จะมีโอกาสได้รูปสวยๆได้มากกว่าช่วงบ่ายที่มีคนเล่นน้ำเยอะครับ

ท้ายสุดก่อนลาจากที่นี่ไป ขอฝากไว้สักนิดสำหรับใครที่อยากมาเที่ยวเล่นน้ำที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นี้ อยากให้เข้าใจบรรดาจนท.ที่คอยทำงานตรวจตรากันอย่างเข้มแข็ง อาจจะดูดุ ดูโหดไปบ้าง แต่ก็เป็นความหวังดีเพื่อป้องกันไม่ให้แหล่งท่องเที่ยวต้องเสื่อมโทรมไปอย่างรวดเร็วนะครับ

ระเบียบ ข้อห้าม ในการเช้าเที่ยวชมป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด 
  • ห้ามพกพาอาวุธ หรือสิ่งของใช้แทนอาวุธเข้าป่าต้นน้ำ
  • ห้ามนำยาเสพติด หรือสารเสพติดให้โทษทุกประเภท
  • ห้ามนำอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าป่าต้นน้ำ
  • ห้ามใช้สบู่ และยาสระผม ในป่าต้นน้ำ
  • ห้ามนำกระดาษชำระ แพมเพิส ภาชนะบรรจุทุกชนิดเข้า
  • ห้ามมีกิจกรรมทางเพศในพื้นที่ป่าต้นน้ำ
  • ห้ามทำลายสัตว์ พืช และทรัพยากรธรรมชาติ
  • ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ต้นน้ำ
  • ระมัดระวังของมีค่ากรุณาเก็บไว้ใกล้ตัว
  • กรุณาเปิดกระเป๋าเพื่อให้ จนท. ตรวจสอบก่อนเข้าพื้นที่

อ้างอิง: http://www.cew-bannamrad.or.th

อร่อยกับเมนูพื้นบ้าน หลามข้าวปลายอกที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท

ได้เวลากลับที่พักไปเตรียมตัวย้ายที่นอนกันอีกคืน สายๆวันนี้ที่เราเดินทางกลับมาถึงที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท มื้อเช้าวันนี้ คุณพี่ตู่ เจ้าของรีสอร์ท แกเตรียมอาหารพื้นบ้าน ต้นตำรับแท้ๆให้เราได้ลองชิมกันกับเมนู หลามข้าว ปลายอก (อ่านว่า ปลา-ยอก)

หลามข้าว ก็คล้ายๆกันกับข้าวหลามนั่นเอง แต่เป็นการหุงข้าว ด้วยวธีการนำข้าวสารที่ห่อใส่ใบไม้และนำไปเผาในกระบอกไม้ไผ่ ทานคู่กันกับ ปลายอก และ ปลาส้มทอด

ปลายอก หน้าตาและรสชาติคล้ายๆกับห่อหมกที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นการปรุงรสปลาด้วยเครื่องแกงในกระบอกไม่ไผ่ มีกรรมวิธีการแกะเอาก้างปลาออกจากเนื้อปลาด้วยการนำไม้ไผ่มาเหลาให้มีลักษณะคล้ายๆ ก้างปลา ไว้สำหรับ ยอก หรือกวนเขย่าแรงๆ เพื่อให้เนื้อปลาที่สุกแล้วหลุดจากก้างปลานั่นเอง

หลามข้าวปลายอก เป็นอาหารเฉพาะถิ่นที่นับเป็นภูมิปัญญาด้านอาหารดั้งเดิม ที่มีมาช้านานจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมานับเป็นศตวรรษแล้ว ภูมิปัญญาอาหารชนิดนี้เป็น ลักษณะเฉพาะของคนคลองศก เนื่องจากสภาพพื้นที่ตำบลคลองศกเดิมเป็นป่าดิบที่อุดมสมบูรณ์ไป ด้วยป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณพื้นที่รอบ ๆ ป่า ใหญ่ จะเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ หาของป่า ตัดหวาย เพื่อนำมาขายและยังชีพภายในครัวเรือนการเข้าไปในป่าต้องใช้เวลาหลาย ๆ วัน นำแต่ข้าวสาร พริก เกลือ เข้าไปเท่านั้น

การหุงหาอาหารต้องอาศัยวัสดุ จากธรรมชาติจากในป่ามาปรุงอาหาร เช่น ใช้ภูมิปัญญาในการนำไม้ไผ่มาหุงข้าวหรือหลามข้าว หรือ หาปลาในแหล่งน้ำใกล้ๆ มาปรุงกับพริกหรือเครื่องแกงที่เตรียม ๆ ไว้นำมาปรุงในกระบอกไม้ไผ่ หากปลามีก้างปลามากก็ใช้ภูมิปัญญามาแก้ไข โดยการนำไม้ไผ่มาเหลาให้มีลักษณะคล้ายๆ ก้างปลา ไว้สำหรับ ยอก หรือกวนเขย่าแรงๆ เพื่อให้เนื้อปลาที่สุกแล้วหลุดจากก้างปลา เมื่อปลาสุกดีแล้วก็ค่อย ๆ รินหรือเทเนื้อปลาข้างบนมากินกับข้าวที่หลามไว้ ก้างปลาจะตกอยู่บริเวณก้นของกระบอกไม้ไผ่ ภูมิปัญญานี้จึงเรียกขานคู่กันมาว่า “หลามข้าว-ปลายอก” อ้างอิง: http://www.suratfoodculture.sru.ac.th/portfolio17.php

อร่อยอิ่มกันเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาอำลาจากคลองแสงกันซะทีครับ จุดหมายถัดไปของวันนี้เราไปต่อกันที่ 500 Rai Valley Retreat หรื 500ไร่วัลเลย์รีทรีตรีสอร์ทสวยๆที่แสนสงบ ในหุบเขาเขตชุมชนคลองศก

The 99 km. Coffee House fresh’n drip Khao Sok บ้านกาแฟกลางป่า กม. 99 เขาศก

ก่อนจะถึงที่หมายสุดท้ายของวันนี้ เราแวะพักกันที่ The 99 km. Coffee House fresh’n drip Khao Sok บ้านกาแฟกลางป่า กม. 99 เขาศก

ร้านกาแฟเล็กๆ กับบาริสต้าตัวบิ๊กๆ ในหุบเขาสกแห่งแรกและแห่งเดียว ที่นี่แนะนำมาช่วงเย็นๆ ที่ระเบียงด้านนอกเป็นจุดชมวิวดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยอีกมุมนึงเลยทีเดียวครับ!!

ใครที่มีโอกาสผ่านมาเส้นทางนี้ ลองแวะพักจิบกาแฟ ทานขนมอร่อยๆ กันดูนะครับ

จบสั้นๆกับรีวิว ป่าต้นน้ำ เขื่อนรัชชประภา และอาหารอร่อยๆ ตอนหน้าที่เป็นตอนสุดท้ายแล้ว เราจะไปนอนเล่นชิลๆ เดินเที่ยวชุมชนคลองศกยามค่ำ และรอดูทะเลหมอกยามเช้ากันที่  500 Rai Valley Retreat หรื 500ไร่วัลเลย์รีทรีต รีสอร์ทกลางเขาเจ้าของและทีมงานเดียวกันกับ แพ 500 ไร่ นะครับ

ขอขอบคุณทุกเรื่องใหม่ของ รวมโปรโมชั่น ครั้งนี้ที่มาจาก http://www.promotiontoyou.com/

รีวิวเขื่อนรัชชประภา สระน้ำผุดสุดใสที่ป่าต้นน้ำ อร่อยกับหลามข้าวปลายอกที่คลองแสง Tips to Trip by Promotion2U [ตอนที่ 3]

มาถึงตอนที่ 3 กับรีวิวชุดใหญ่ แพ 500 ไร่ เขื่อนรัชชประภา ทะเลสาบเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งชาติเขาสก กันแล้วนะครับ!! สำหรับวันนี้เป็นโปรแกรมเที่ยวชิลๆเดินเล่นเบาๆกันบ้าง ตามผมมาชมกันต่อเลยครับ!!

เช้าวันที่ 3 กับอากาศเย็นๆกับสายหมอกจางที่ริมน้ำคลองพะแสงยามเช้า ทำเอาผมนี่ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยครับ แต่เช้าวันนี้เรามีนัดกันจะไปเดินเล่นชมวิวที่สันเขื่อนรัชชประภากัน ก็เลยต้องจำใจจำจากพรากตัวออกจากกระท่อมน้อยกลางป่าก่อนที่จะตกรถตู้ไปซะก่อน

จาก แบมบู จังเกิล รีสอร์ท ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงที่จุดชมวิวของเขื่อนรัชชประภากันแล้ว

ที่จุดชมวิวนี้เดินมาไม่ไกลจากลานจอดรถเท่าไหร่ อากาศที่ริมสันเขื่อนยามเช้าที่นี่สดชื่นมากก หายใจสูดออกซิเจนบริสุทธิ์ได้เต็มปอดแบบไม่ต้องเกรงใจใคร

ใกล้ๆกันกับป้ายชื่อเขื่อนรัชชประภาบนจุดชมวิวเหนือเขื่อน มีป้ายหินอ่อนขนาดใหญ่ คอยยืนเฝ้าบอกเล่าเรื่องพระบรมราชโองการ ที่ในหลวง ร.๙ ท่านทรงประทานให้ในวันเปิดเขื่อนรัชชประภา เมื่อ 30 กันยายน 2530 ให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา

บนสจุดชมวิวเหนือเขื่อนนี้ ยังมี พระอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่ทางเขื่อนรัชชประภาได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่เคยเสด็จเยี่ยมราษฎร และปฏิบัติพระกรณียกิจแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในถิ่นทุรกันดารที่ ต.เขาพัง ต.ไกรสร อ.บ้านตาขุน ในช่วงปี 2511-2513 จนเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2520 พระองค์ได้ทรงนำเครื่องบินออกรับเจ้าหน้าที่ ตชด. ที่บาดเจ็บจากการก่อการร้ายที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ และได้ถูกกระสุนปืนยิงขึ้นมาถึงชีพิตักษัย ที่นี่นั่นเอง

และที่ใกล้ๆกันนั้นก็ยังมีที่ประดิษฐาน พระพุทธสิริสัตตราช หรือ หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ องค์จำลอง ที่เป็นพระพุทธรูป โบราณปาง สมาธิ ประทับนั่งบนขนาดหางของพญางู 7 องค์ เหนือองค์พระมีพญางูทั้ง 7 ชูเศียร แผ่พังพาน ปกป้องคุ้มครองอยู่ เป็นสัญลักษณ์แห่งฝนและความร่มเย็น โดยเฉพาะผู้มีคุณธรรมและบารมีธรรม สามารถกำหนดจิต อธิษฐานขอฝน ให้น้ำท่าบริบูรณ์ได้ ทางเขื่อนรัชชประภาได้จำลองมาจากองค์จริงทั้ง 2 องค์ ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ที่ เขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิติ์ อ้างอิง: http://www.sirikitdam.egat.com/index.php/2013-06-23-13-52-46/115-2013-06-25-06-14-07

เดินเล่นชมวิวยามเช้ากันจนได้ที่แล้ว ต่อไปก็เป็นการหามุมเก็บภาพกันต่อครับ เดินลงไปจากจุดชมวิวไม่ไกล จะเป็นส่วนสันเขื่อนที่มุมนี้นอกจากจะมีมุมที่มองเห็นลายเส้นโค้งของสันเขื่อนได้ชัดเจนแล้ว

ยังเป็นมุมที่มองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นได้ชัดเจน เหมาะกับการหานายแบบนางแบบมาเก็บภาพสวยๆช่วงเช้าเอาไว้จริงๆ

สระน้ำผุดสุดใสที่ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

จบจากทริปถ่ายรูปกันอย่างเมามันส์เช้านี้แล้ว เรานั่งรถไปต่อกันกับ สถานที่ unseen ของสุราษฎร์ธานี อีกแห่งหนึ่ง ที่มีสระน้ำผุดธรรมชาติ ใสราวกับกระจก ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด .บ้านทำเนียบ .สุราษฎร์ธานี กันต่อเลยครับ

ที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นี่เป็นบ่อน้ำผุดธรรมชาติ ที่มีตาน้ำไหลซึมผ่านชั้นหินปูนใต้ดินออกมา น้ำที่ไหลออกมาจึงมีสีฟ้าใสบริสุทธิ์ตามที่เราเห็นกันนี่เอง น้ำจากที่นี่จะไหลลงไปยังคลองมะเลาะ ไปสู่น้ำตกน้ำราดธารทอง แล้วจึงไหลไปยังพื้นที่ของหมู่บ้านบ้านน้ำราดและบ้านย่านยาวต่อไป

จากด้านหน้าทางเข้าที่มีจนท.คอยดูแลความเรียบร้อยในจุดลงทะเบียน และมีการตรวจกระเป๋าและสิ่งของทุกชิ้น ห้ามนำกระดาษทิชชู่ ถุงพลาสติก อาหาร และ เครื่องดื่มทุก เข้าไปด้านใน

เป็นอีกหนึ่งส่วนที่น่าชื่นชมความเข้มแข็งของชุมชนที่รวมตัวกันพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดูแลไม่ให้ธรรมชาติที่สวยงามต้องถูกทำลายลงจากการท่องเที่ยว เหมือนกับบ่อน้ำผุดที่อื่นๆที่ตัวผู้เขียนเองเคยได้ไปเห็นมา

เมื่อเดินตามทางเดินเข้ามาถึงด้านในสุด ก็จะได้พบกับบ่อน้ำจืดสีฟ้าอมเขียวใสราวกับกระจก พื้นน้ำเป็นทรายตะกอนหินปู มีการสร้างทางเดินปูนทำไว้เรียบร้อย แบ่งส่วนพื้นที่เป็นบ่อสำหรับเล่นน้ำ ลึกประมาณ 1 เมตร   และส่วนโซนพื้นที่ด้านในที่น้ำใสเหมือนกัน ส่วนนี้ทาง อบต.บ้านทำเนียบ จัดเป็นพื้นที่สำหรับพายเรือเล่นชมธรรมชาติ มีเรือให้เช่าในสนนราคาย่อมเยา

โซนพื้นที่นี้มีเหล่าบรรดาปลาน้อยว่ายอยู่เต็มไปหมด ภาพจากใต้น้ำที่เราถ่ายมาดูแล้วเหมือนอยู่ในตู้ปลายังไงยังงั้นเลยทีเดียว!

ใครอยากได้รูปมุมสวยๆแนะนำให้ไปช่วงเช้าวันธรรมดาที่คนน้อยๆ จะมีโอกาสได้รูปสวยๆได้มากกว่าช่วงบ่ายที่มีคนเล่นน้ำเยอะครับ

ท้ายสุดก่อนลาจากที่นี่ไป ขอฝากไว้สักนิดสำหรับใครที่อยากมาเที่ยวเล่นน้ำที่ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นี้ อยากให้เข้าใจบรรดาจนท.ที่คอยทำงานตรวจตรากันอย่างเข้มแข็ง อาจจะดูดุ ดูโหดไปบ้าง แต่ก็เป็นความหวังดีเพื่อป้องกันไม่ให้แหล่งท่องเที่ยวต้องเสื่อมโทรมไปอย่างรวดเร็วนะครับ

ระเบียบ ข้อห้าม ในการเช้าเที่ยวชมป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด 
  • ห้ามพกพาอาวุธ หรือสิ่งของใช้แทนอาวุธเข้าป่าต้นน้ำ
  • ห้ามนำยาเสพติด หรือสารเสพติดให้โทษทุกประเภท
  • ห้ามนำอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าป่าต้นน้ำ
  • ห้ามใช้สบู่ และยาสระผม ในป่าต้นน้ำ
  • ห้ามนำกระดาษชำระ แพมเพิส ภาชนะบรรจุทุกชนิดเข้า
  • ห้ามมีกิจกรรมทางเพศในพื้นที่ป่าต้นน้ำ
  • ห้ามทำลายสัตว์ พืช และทรัพยากรธรรมชาติ
  • ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ต้นน้ำ
  • ระมัดระวังของมีค่ากรุณาเก็บไว้ใกล้ตัว
  • กรุณาเปิดกระเป๋าเพื่อให้ จนท. ตรวจสอบก่อนเข้าพื้นที่

อ้างอิง: http://www.cew-bannamrad.or.th

อร่อยกับเมนูพื้นบ้าน หลามข้าวปลายอกที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท

ได้เวลากลับที่พักไปเตรียมตัวย้ายที่นอนกันอีกคืน สายๆวันนี้ที่เราเดินทางกลับมาถึงที่ แบมบู จังเกิล รีสอร์ท มื้อเช้าวันนี้ คุณพี่ตู่ เจ้าของรีสอร์ท แกเตรียมอาหารพื้นบ้าน ต้นตำรับแท้ๆให้เราได้ลองชิมกันกับเมนู หลามข้าว ปลายอก (อ่านว่า ปลา-ยอก)

หลามข้าว ก็คล้ายๆกันกับข้าวหลามนั่นเอง แต่เป็นการหุงข้าว ด้วยวธีการนำข้าวสารที่ห่อใส่ใบไม้และนำไปเผาในกระบอกไม้ไผ่ ทานคู่กันกับ ปลายอก และ ปลาส้มทอด

ปลายอก หน้าตาและรสชาติคล้ายๆกับห่อหมกที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นการปรุงรสปลาด้วยเครื่องแกงในกระบอกไม่ไผ่ มีกรรมวิธีการแกะเอาก้างปลาออกจากเนื้อปลาด้วยการนำไม้ไผ่มาเหลาให้มีลักษณะคล้ายๆ ก้างปลา ไว้สำหรับ ยอก หรือกวนเขย่าแรงๆ เพื่อให้เนื้อปลาที่สุกแล้วหลุดจากก้างปลานั่นเอง

หลามข้าวปลายอก เป็นอาหารเฉพาะถิ่นที่นับเป็นภูมิปัญญาด้านอาหารดั้งเดิม ที่มีมาช้านานจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมานับเป็นศตวรรษแล้ว ภูมิปัญญาอาหารชนิดนี้เป็น ลักษณะเฉพาะของคนคลองศก เนื่องจากสภาพพื้นที่ตำบลคลองศกเดิมเป็นป่าดิบที่อุดมสมบูรณ์ไป ด้วยป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณพื้นที่รอบ ๆ ป่า ใหญ่ จะเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ หาของป่า ตัดหวาย เพื่อนำมาขายและยังชีพภายในครัวเรือนการเข้าไปในป่าต้องใช้เวลาหลาย ๆ วัน นำแต่ข้าวสาร พริก เกลือ เข้าไปเท่านั้น

การหุงหาอาหารต้องอาศัยวัสดุ จากธรรมชาติจากในป่ามาปรุงอาหาร เช่น ใช้ภูมิปัญญาในการนำไม้ไผ่มาหุงข้าวหรือหลามข้าว หรือ หาปลาในแหล่งน้ำใกล้ๆ มาปรุงกับพริกหรือเครื่องแกงที่เตรียม ๆ ไว้นำมาปรุงในกระบอกไม้ไผ่ หากปลามีก้างปลามากก็ใช้ภูมิปัญญามาแก้ไข โดยการนำไม้ไผ่มาเหลาให้มีลักษณะคล้ายๆ ก้างปลา ไว้สำหรับ ยอก หรือกวนเขย่าแรงๆ เพื่อให้เนื้อปลาที่สุกแล้วหลุดจากก้างปลา เมื่อปลาสุกดีแล้วก็ค่อย ๆ รินหรือเทเนื้อปลาข้างบนมากินกับข้าวที่หลามไว้ ก้างปลาจะตกอยู่บริเวณก้นของกระบอกไม้ไผ่ ภูมิปัญญานี้จึงเรียกขานคู่กันมาว่า “หลามข้าว-ปลายอก” อ้างอิง: http://www.suratfoodculture.sru.ac.th/portfolio17.php

อร่อยอิ่มกันเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาอำลาจากคลองแสงกันซะทีครับ จุดหมายถัดไปของวันนี้เราไปต่อกันที่ 500 Rai Valley Retreat หรื 500ไร่วัลเลย์รีทรีตรีสอร์ทสวยๆที่แสนสงบ ในหุบเขาเขตชุมชนคลองศก

The 99 km. Coffee House fresh’n drip Khao Sok บ้านกาแฟกลางป่า กม. 99 เขาศก

ก่อนจะถึงที่หมายสุดท้ายของวันนี้ เราแวะพักกันที่ The 99 km. Coffee House fresh’n drip Khao Sok บ้านกาแฟกลางป่า กม. 99 เขาศก

ร้านกาแฟเล็กๆ กับบาริสต้าตัวบิ๊กๆ ในหุบเขาสกแห่งแรกและแห่งเดียว ที่นี่แนะนำมาช่วงเย็นๆ ที่ระเบียงด้านนอกเป็นจุดชมวิวดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยอีกมุมนึงเลยทีเดียวครับ!!

ใครที่มีโอกาสผ่านมาเส้นทางนี้ ลองแวะพักจิบกาแฟ ทานขนมอร่อยๆ กันดูนะครับ

จบสั้นๆกับรีวิว ป่าต้นน้ำ เขื่อนรัชชประภา และอาหารอร่อยๆ ตอนหน้าที่เป็นตอนสุดท้ายแล้ว เราจะไปนอนเล่นชิลๆ เดินเที่ยวชุมชนคลองศกยามค่ำ และรอดูทะเลหมอกยามเช้ากันที่  500 Rai Valley Retreat หรื 500ไร่วัลเลย์รีทรีต รีสอร์ทกลางเขาเจ้าของและทีมงานเดียวกันกับ แพ 500 ไร่ นะครับ

ขอขอบคุณทุกเรื่องใหม่ของ รวมโปรโมชั่น ครั้งนี้ที่มาจาก http://www.promotiontoyou.com/